เรื่องทอม


กะเทย, สาวประเภทสอง หรือ ตุ๊ด [1] คือ บุคคลเพศชายที่แสดงลักษณะและพฤติกรรมออกมาในลักษณะท่าทางใกล้เคียงกับลักษณะของเพศหญิง กะเทยโดยทั่วไปต้องการเป็นเพศหญิง ทั้งทางด้าน กาย วาจา และใจ ต้องการให้คนในสังคมปฏิบัติกับตนเองดังเช่นผู้หญิงคนหนึ่ง กะเทยโดยส่วนมากจะรักและชอบเพศเดียวกัน (ผู้ชาย)
นิยาม
กะเทย เป็นคำที่ไทยที่ยืมมาจากเขมร คำว่า “เขฺทีย” อ่านว่า เขฺตย (ขฺเตย) และในกฎหมายตราสามดวง บันทึกการเขียนไว้ว่า "กระเทย" แต่พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 และ 2542 ใช้คำว่า กะเทย ซึ่งมีความหมายว่า “คนที่มีอวัยวะเพศทั้งชายและหญิง, คนที่มีจิตใจและกิริยาตรงข้ามกับเพศของตนเอง; ผลไม้ที่เมล็ดลีบ เช่น ลำไยกะเทย. (อะหม ว่า เทย)”

ปรีชา พิณทอง ให้ความหมายไว้ใน สารานุกรมภาษาอีสาน ไทย อังกฤษ ไว้ว่า “คนสองเพศ ข้างขึ้นเพศชายปรากฏ พอถึงข้างแรมเพศชายหายไปเพศหญิงปรากฏ เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดชีวิต เรียก กะเทย คนเช่นนี้ทางพระศาสนาห้ามไม่ให้บวช ถ้าบวชจะเป็นอันตรายต่อพรหมจรรย์”

James Caswell (สมัยรัชกาลที่ 3) ระบุไว้ในพจนานุกรมคำไทยขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1846 หรือ พ.ศ. 2389 คำว่ากะเทย ไว้ว่า “กะเทยนั้น คือ บุทคลที่มีประเทษที่ลับเปนหญิงก็ใช่ เปนชายใช่นั้น เรียกว่า คนกะเทย” ส่วนหมอบรัดเลได้ให้คำนิยามไว้ว่า “คนไม่เปนเภษชาย, ไม่เปนเภษหญิง, มีแต่ทางปัสสาวะ
ชื่อเรียก
กะเทยไม่ใช่ เกย์ เพราะเกย์กับกะเทยมีรสนิยมและวิถีการดำเนินชีวิตแตกต่างกัน คำว่ากะเทยในบางครั้งจะใช้คำเรียกว่า "เลดี้บอย" หรือ "เพศที่สาม" สำหรับบุคคลเพศชายที่แต่งตัวเป็นเพศหญิงในการแสดงในภาษาอังกฤษส่วนมากจะเรียกแดร็กควีน (drag queen) และในละครคาบุกิของญี่ปุ่นที่ห้ามผู้หญิงแสดง จะมีการให้ผู้ชายแต่งตัวเป็นผู้หญิงแสดงแทน คำว่า กะเทย ยังเป็นศัพท์ทางชีววิทยาหมายถึง สัตว์ที่มีสองเพศในตัวเดียวกัน (hermaphrodite)

กะเทยบางส่วนจะนิยมผ่าตัด ในทางการแพทย์เรียกว่า เป็นการรักษาให้ร่างกายกับจิตใจตรงกันให้มากที่สุด โดยการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีลักษณะใกล้เคียงกับผู้หญิง ไม่ว่าจะด้วยความชอบเป็นส่วนตัว เพื่อประโยชน์ในการในทำงาน หรือเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งได้ราบรื่นขึ้น โดยการเสริมหน้าอก ผ่าตัดอวัยวะเพศ ผ่าตัดลูกกระเดือก รวมถึงผ่าตัดศัลยกรรมเพิ่มความงามต่างๆ กะเทยส่วนใหญ่จะทำงานในด้านการแสดงและความบันเทิง และความสวยงาม ตั้งแต่ ดาราภาพยนตร์ ช่างเสริมสวย ช่างแต่งหน้า นักแสดงคาบาเร่ต์ รวมไปถึงโสเภณี กะเทยที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว ในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Transsexual


[แก้] กะเทยในประเทศไทย
กะเทยในประเทศไทยได้รับการยินยอมให้แสดงออกในสังคมไทย เห็นได้จากการออกตามสื่อต่างๆ รายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ หนังสือพิมพ์ รวมถึงการประกวดกะเทย แต่คนส่วนมากในสังคมดูแล้วมักคิดไปในทาง ตลก แปลก หรือน่ารังเกียจ แต่ก็มีไม่น้อยที่ชื่นชม ซึ่งแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากในหลายประเทศ ซึ่งมีการห้ามกะเทยมีส่วนร่วมกิจกรรมในสังคม หลายบุคคลเชื่อว่าที่สังคมไทยยอมรับกะเทยได้นั้น ส่วนหนึ่งมาจากความสามารถของกะเทยที่โดดเด่น อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกัน ในสังคมระดับครอบครัว กะเทยไม่เป็นที่ยอมรับจากครอบครัว (โดยเฉพาะฝ่ายพ่อ) ผู้เป็นพ่อมักจะผิดหวัง และมีการทะเลาะกันอย่างรุนแรงกับลูกชายที่เป็นกะเทย

ถึงแม้ว่า กะเทยจะเรียกตัวเองว่าเป็นเพศที่สาม แต่ในทางกฎหมายของหลายประเทศยังคงมีไว้กำหนดให้เป็นเพศชาย ถึงจะได้รับการผ่าตัดแปลงเพศเป็นหญิงแล้ว แต่บางประเทศในโลกยังไม่สามารถขอเปลี่ยนคำนำหน้านามจากชายเป็นหญิงได้ ทำให้ประสบปัญหาในการติดต่อธุรกรรมต่างๆ

ปัจจุบันมีหลายประเทศที่ผ่านกฎหมายนี้แล้ว ตัวอย่างประเทศในเอเชียที่ผ่านกฎหมายให้กะเทยแปลงเพศเปลี่ยนคำนำหน้านามได้ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ไต้หวัน ลาว อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย ปัจจุบันประเทศเวียดนามก็กำลังพิจารณาผ่านกฎหมายนี้เช่นกัน แต่ในประเทศไทยมีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเมื่อปี พ.ศ. 2550 โดยรัฐบาลรัฐประหาร แต่ร่างกฎหมายนี้ไม่ผ่านการพิจารณา
18/3/52
BABORCLUB
0
ขอเสริมคุณ BABORCLUB นะครับ

         ถ้า..... ตามหลักพจนานุกรมน่าจะหมายถึงสิ่งมีชีวิตที่มี2เพศ แต่ถ้าหมายถึงมนุษย์
คงหมายความว่า คนที่มีเพศ และเพศสำนึกไม่สอดคล้องกัน ไม่ว่าจะเป็นร่างกายเป็นชาย
แต่ใจเป็นหญิง หรือ ร่างเป็นหญิงแต่ใจเป็นชาย แต่ที่เราใช้กันอยู่นั้นพอพูดคำว่า กระเทย
จะหมายถึง ผู้ชายที่มีนิสัยใกล้ เคียงกับเพศหญิง อาจจะมีบุคลิกแบบผู้หญิง ลักษณะกิริยา
ท่าทาง รวมทั้งการแต่งกาย รักสวยรักงาม การแสดงออกค่อนข้างที่จะออกไปทางเพศหญิง
มากอย่างชัดเจน หรือผู้ชายที่แต่งกายเป็นชาย แต่มีลักษณะเรียบร้อย กระตุ้งกระติ้ง ท้ายที่
สุด ก็ผู้ชายเราดีๆนี้เองดูไม่ออกโดยภายนอก แต่บุคคลพวกนี้จะมีรสนิยมทางเพศ กับเพศ
เดียวกัน
 
     1.) คนกลุ่มที่มีความใกล้เคียงเป็นผู้หญิงมากที่สุด
          กลุ่มนี้อาจไม่เคยนึกเลยว่าตัวเองเป็นผู้ชาย เพราะจะแต่งตัวเป็นผู้หญิงตลอดเวลา
และจะมีความเป็นอยู่แบบผู้หญิง คืออาจจะไม่มีความเป็นผู้ชายเลยในด้านความ คิด เพียง
แต่มีร่างกายเป็นชายเท่านั้น

     2.) กลุ่มที่แต่งตัวเป็นชาย แต่ใจเป็นหญิง
          กลุ่มนี้เนื่องจากอาจจะมีเหตุผลทางสังคมหลายๆอย่าง จึงทำให้ไม่สามารถแต่งตัว
เป็นหญิงได้ แต่ก็จะแต่งเป็นผู้หญิงบ้างถ้ามีโอกาส คนกลุ่มนี้อาจจะมีความเป็นชายบ้าง
20-30 เปอร์เซ็นต์
 
     3.) กลุ่ม ที่แต่งตัวเป็นผู้ชาย มีจิตใจเป็นผู้ชาย
           แต่มีลักษณะนิสัยคล้ายผู้หญิง คนกลุ่มนี้ชอบมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย และมีความ
เป็นอยู่โดยทั่วไปแบบผู้ชาย
 
     อื่นๆ อีกมากมายครับ  ไม่สามารถอธิบายได้หมด และมีทั้งผู้ชายเต็มตัว แต่ชอบมีเพศ
สัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน โดยไม่ต้องมีความเป็นกระเทยอยู่ด้วยครับ
การอ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น